เรื่องวิศวะยิงเด็ก 17 ผมเอาใจช่วยวิศวะนะ ถึงจะอาร์มร้อนไปบ้าง ไม่ได้ถึงเนื้อถึงตัวเด็ก คนขับรถตู้ก่อเรื่อง ไม่ใช่ลุง

เรื่องวิศวะยิงเด็ก 17  ผมเอาใจช่วยวิศวะนะ ถึงจะอาร์มร้อนไปบ้าง  แต่ก็ไม่ได้ถึงเนื้อถึงตัวเด็ก แล้วจะทำให้เกิดเรื่อง

1.    การกระทบกระทั่ง  ผมว่าในชีวิตประจำวันก็มีทุกคน  การพูดจาด่ากันเป็นเรื่องธรรรมดา  ญาติพี่น้องยังด่ากัน
แต่ที่คลิปวิศวะด่ากัน เพราะรถตู้ผิดที่จอดรถขวาง  และ ตอบโต้แฟนลุง ทั้งที่เขาพูดดีๆว่า รอไม่ได้หรือไง
  
2.     ลุงก็ไม่สมควร  ที่ไปบีบแตร์ใส่รถ   ยั่วโมโห  แต่ที่เด็กโกรธวิศวะยังกับแค้นชาติปางก่อน เพราะคนขับรถตู้น่าจะพูดให้เด็กๆโมโห  และยิ่งมีแฟนมาด้วย  ยิ่งทำให้ฮีกเหิม โชว์สาว

3.     แต่ถึงจะด่ากัน  แต่ถึงจะบีบแตร์ใส่รถกัน หรือโชว์ปืน พวกเด็กก็ไม่มีสิทธิเอาพวก ไปเปิดประตูรถวิศวะ  ทำร้ายวิศวะเพราะเป็นรถส่วนตัว   แถมมีคนแก่  ผู้หญิง  เด็ก   เป็นใครก็ป้องกันตัว   ถ้าลุงติดคุก  แบบนี้ ใครๆ อยู่ดีดี ก็มาเปิดรถ  มาทำร้ายร่างการเราได้  สวัสดิภาพจะไม่มี  พอขึ้นศาลก็โกหก  ยิ่งถ้าเด็กวัยรุ่นมีปืนขึ้นมา เดินมายิง  เราจะตายโหงในรถตัวเองพร้อมครอบครัวเลย

และยิ่งเด็กอายุ 17 ปี ไม่ติดคุก เราตายฟรีนะครับ

สรุปคือผมเข้าข้างลุงวิศวะเพราะ  ถ้าลุงติดคุก   ประเทศไทยก็ไม่มีสวัสดิภาพในการดำรงชีวิตแล้ว

การกระทบกระทั่งเกิดจาก รถตู้เป็นต้นเหตุ  ไม่ใช่ลุงวิศวะ
การด่าทอ การบีบแตร์  มันเกิดขึ้นได้กับทุกคน  ลุงวิศวเขาไม่ได้บุกไปรถตู้ คุกคามรถตู้สักกะหน่อย
แถมเปิดไฟสูง ตามรถลุงวิศวติดเลย  รนหาที่เอง
เป็นการทะเลาะระหว่างคนขับรถตู้กับลุงวิศวะ  ทำไมเด็กวัยรุ่นต้องมาสอ ใส่  เกือกจนตาย และทำไมต้องมาโกรธแค้นลุงวิศวะยังกับชาติปางก่อนลุงไปฆ่าครอบครัวเขาแบบนั่น  สอ ใส่ เกือก เพื่ออะไร  หรือจะแค่โชว์สาว
ไปสอ ใส่ เกือกเขาทำไม  หรือจะโชว์สาว  เลยเดินไปหาลูกปืนตาย
และเด็กไม่มีสิทธิ  เอาพวกมาเปิดประตูรถคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต  แถมทำร้ายร่างกาย


ถ้าลุงยังติดคุก  แบบนี้เราอยู่ในรถดีดี  คนอื่นก็มาทำร้ายเราได้    การด่าทอเป็นเรื่องที่เกิดในชีวิตประจำวัน
ทำไมไม่ด่ากลับละ  ทำไมต้องยกพวกมาทำร้ายแบบนั่น

สุดท้าย  แค่คำให้การก็ให้การวกไปวนมา พูดในรายการทีวีไม่ตรงคลิป  พูดกันไม่ตรงกับความจริง  โกหกชัดๆ  ไม่มีความน่าเชื่อเถือ  ปั้นน้ำเป็นตัว

แต่ผมเชื่อว่า  ถ้าลุงไม่มีปืน  จะถูกเด็กลากออกมาจากรถทำร้าย  อาจจะตายแบบคนพิการขายขนมปัง
แม่ เมีย  เด็ก  ก็อาจจะโดนทำร้ายอีก
ผมเข้าข้างลุงครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ประเด็นเริ่ม รถตู้มาจอดขวางทางออก แน่นอนกำลังจะขับออกอยู่แล้ว เห็นคนขับรถคันที่จอดขวางเดินลงจากรถยังไงก็อารมณ์เสียอยู่แล้ว แต่ก็ยังตะโกนบอกดีๆ ว่าคุณคะ ขยับรถให้หน่อย ซึ่งก็ถือว่าสุภาพนะครับ สุดท้ายพูดสวนมาบอกว่ารอหน่อยไม่ได้เหรอ คนที่หงุดหงิดอยู่แล้ว ก็ต้องด่าเป็นธรรมดาครับ

ประเด็นนี้จะไม่เกิด ถ้าคนขับรถตู้ไม่จอดขวางทาง ถึงจอดขวางทางแต่คนที่ลงควรไม่ใช่คนขับ เพราะการจอดรถลักษณะนี้ควรมีคนอยู่บนรถ เพื่อขยับรถตลอดเวลา หรือต่อให้คนขับจำเป็นต้องลงไปเองจริงๆ แต่ก็ควรมีจิตสำนึกว่าตนเองผิด และยอมขอโทษแต่โดยดี ถ้ามองจากคลิปก็ถือว่าไม่ได้ลงมาซื้อของแบบใช้เวลานานเท่าไร แต่วิศวะก็คงไม่รู้ด้วยหรอกว่าจะจอดนานแค่ไหน เพราะคนขับรถตู้ไม่ได้บอก

ถ้าเป็นผม เขาขอให้ขยับ ก็จะพูดไปว่าขอโทษครับ ซื้อของเสร็จแล้วพอดี กำลังจะไปครับ หรือไม่ก็ขอโทษครับจะไปเลื่อนให้ครับ มันควรต้องเริ่มต้นด้วยคำขอโทษก่อน เพราะเริ่มต้นมาคนขับรถตู้ก็ผิดอยู่แล้ว พอพูดสวนแบบขวานผ่าซาก อีกฝ่ายก็ต้องขึ้นเป็นธรรมดา เพราะหงุดหงิดอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่ด่า มันเป็นเรื่องปรกติของคนเถียงกัน ส่วนคำว่ายิ่งแมร่งเลย เป็นคำที่พูดในรถกันเอง แบบสบถเพราะไม่พอใจ พอต่างฝ่ายต่างขึ้นรถ แม้จะมีการบีบแตรไม่พอใจ แต่ถ้าต่างคนต่างแยกก็จบครับ

เพราะฉะนั้นประเด็นที่ว่าฝ่ายวิศวะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน มันจึงไม่ถูกต้อง เพราะรถตู้เป็นฝ่ายกระทำให้เกิดการยั่วยุก่อนครับ นับตั้งแต่แรกก็คือจอดขวางทางนั่นเอง และฝ่ายวิศวะเองก็พูดด่าอยู่แต่ในรถ ไม่ได้เดินถืออาวุธลงไปหาเรื่องแต่อย่างใดครับ

ส่วนประเด็นสอง จะมองได้ว่าฝ่ายวิศวะใจเย็นลงแล้วในขณะขับรถ คือฝ่ายตนเองจบแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ยอมจบ ขับตามมาตลอด ฝ่ายวิศวะก็ยังคิดจะแก้ไขด้วยการจอดให้คนอื่นช่วย แต่พอจอดฝ่ายรถตู้ก็เป็นฝ่ายเข้ามาล้อมรถ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าโดนล้อมหาเรื่องขนาดนั้น ใครมีอาวุธอะไรอยู่ในมือก็คงเอาออกมาใช้แน่นอน ซึ่งตามคลิปก็จะเห็นว่าฝ่ายวิศวะไม่ได้ตั้งใจจะยิง จนสุดท้ายโดนชกหน้าจนแว่นหลุดถึงยิงสวนออกไป หนึ่งนัด ไม่มีซ้ำ ไม่มีตาม มองยังไงก็เป็นแค่การยิงป้องกันตัวเพราะอีกฝ่ายเริ่มใช้ความรุนแรงแบบเข้าถึงตัวแล้ว

หลายคนอาจจะมองว่า ฝ่ายวิศวะใจใหญ่เพราะมีปืน ถ้าไม่มีปืนคงไม่ด่า เรื่องคงไม่เกิด ผมว่าความเห็นนี้มันไม่ถูกต้องนะครับ เพราะคลิปหรือข่าวส่วนใหญ่คนที่มีปัญหากระทบกระทั่งหรือด่าทอกันเล็กน้อยถึงขั้น ออกมือออกไม้ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เกิดจากที่พวกเขามีปืน แต่เกิดจากคนที่มีอาการหงุดหงิดโมโหชั่วขณะ เพราะเหตุการณ์มันเกิดการยั่วยุซึ่งกันและกัน ถ้าต่างฝ่ายต่างแยกย้ายก็จบ ถ้าฝ่ายหนึ่งยอมถอยจบอีกฝ่ายไม่ยอมจบตามเอาเรื่องยังไงก็เป็นฝ่ายผิดครับ แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมจบต่างแรงเข้าหากัน นั่นหล่ะถึงจะเรียกว่าเป็นฝ่ายยอมเข้าร่วมทะเลาะวิวาท ซึ่งกรณีของวิศวะไม่ใช่ครับ

เพราะจุดเริ่มต้นก็กรณีนึง และระหว่างทางก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ปาดหน้าไปมาตามที่ฝ่ายรถตู้เคยให้ข่าว สุดท้ายถึงจุดที่ยิงกันก็เป็นฝ่ายรถตู้ลงมาล้อมรถแถมลงมือออกอาวุธก่อน จึ่งเป็นสิทธิ์สำหรับการป้องกันตัว แถมไม่เกินกว่าเหตุเพราะอีกฝ่ายแม้จะมือเปล่าแต่มีจำนวนเยอะ ผมมองว่าถ้าวิศวะไม่มีปืนอาจจะจบแบบวิศวะเป็นฝ่ายเสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสแทนครับ แถมฝ่ายวิศวะที่ให้ปากคำตรงมาตลอดครับ ตั้งแต่เริ่มมีปากเสียงกันรุนแรงจนมาถึงจุดที่ยิงกัน

ความเห็นของผมมองว่าฝ่ายวิศวะน่าเห็นใจครับ แต่ตามกฏหมายก็ว่ากันไปตามหลักฐานพยานแล้วให้ศาลตัดสินครับ แต่ผมให้กำลังใจฝ่ายวิศวะแน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่